พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. และ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเตือนภัยเงินกู้ออนไลน์ โดยการส่งลิงก์ผ่าน SMS หลอกว่าได้สิทธิ์กู้เงิน หลอกโอนค้ำประกันแล้วหลบหนีไป ว่า
การกระทำดังกล่าวไม่ใช่การหลอกลวงในรูปเเบบใหม่เเต่อย่างใด เป็นการหลอกลวงที่มีมานานแล้ว แค่เปลี่ยนชื่อแอปพลิเคชั่นแล้วหลอกใหม่ วิธีการของมิจฉาชีพคือจะส่ง ลิงก์ที่เเนบไปกับข้อความ หลอกว่าท่านได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ได้รับเงิน ได้สิทธิกู้เงิน ได้ส่วนลด เมื่อเหยื่อลงเชื่อก็จะคลิกลิงก์เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว จากนั้นมิจฉาชีพก็จะติดต่อมาอ้างว่าการกู้เงินต้องมีเงินค้ำประกัน หรืออ้างว่าคนเยอะเป็นค่าลัดคิว หลอกต่อว่าถ้าอยากได้เงินเร็วต้องโอนเงินมาเพิ่มอีก เมื่อมิจฉาชีพได้เงินเเล้ว ก็หลบหนีไป
การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เล็งเห็นถึงปัญหา และอันตรายต่างๆ บนโลกออนไลน์ ได้กำชับสั่งการไปยังกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. เร่งป้องกันปราบปราม และจับกุมผู้กระทำความผิดบนโลกออนไลน์ รวมถึงให้สร้างการรับรู้ถึงพิษภัยต่างๆ บนโลกออนไลน์ พร้อมกับแนวทางการป้องกันให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
พร้อมเตือนไปยังพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังการกู้เงินในลักษณะดังกล่าว หากจำเป็นควรเลือกกู้เงินกับสถาบันการเงินหรือธนาคารจะดีที่สุด เพื่อยับยั้งความเสียหาย.