กองปราบซิว “รองอุ้ย” ตำรวจปลอม อ้างเป็นรอง ผกก. เบ่งเปิดห้องพักรีสอร์ทฟรี

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ภัทรพันธ์  พูลทวี พ.ต.ต.ณรงค์  หาญสันเทียะ สว.กก.4 บก.ป. จับกุมนายไพรวัลย์ หรืออ้วน  อายุ 36 ปี ตามหมายจับของศาลล้มละลายกลาง ที่ 1754/2563 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ในข้อหา “จงใจขัดขืนหมายเรียกของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เป็นเหตุให้ขัดข้องต่อการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีล้มละลาย” โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถรีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีบุคคลแต่งกายสวมเสื้อกั๊กสีดำ ตัดผมสั้นเกรียน ติดต่อเปิดห้องพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อ “รองอุ้ย” มีตำแหน่งเป็นรอง ผกก. สภ.หนึ่งในพื้นที่ภูธรภาค 5 เพื่อขอค้างค่าบริการไว้จ่ายในภายหลัง ช่วงแรกพนักงานรีสอร์ทดังกล่าวหลงเชื่อ จึงเปิดห้องให้ โดยเข้าพักตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. ถึงปัจจุบัน มียอดค่าอาหาร ค่าห้องพักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะเช็คเอ๊าท์ออก พนักงานรีสอร์ทจึงเริ่มเอะใจพยายามสอบถามชื่อหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมขอดูบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ แต่บุคคลดังกล่าวไม่สามารถนำมาแสดงให้ดูได้ ทำให้เชื่อว่าน่าจะถูกหลอก

หลังจากนั้นจึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบ พบว่าบุคคลดังกล่าวคือ นายไพรวัลย์ มีอาชีพเป็นเกษตรกร ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงควบคุมตัวไว้ เมื่อตรวจค้นรถยนต์ยังพบ ชุดเครื่องแบบตำรวจประดับยศ พ.ต.ต. หมวกแก็ปตำรวจ กระบองไฟส่งสัญญาณ ไฟฉาย รองเท้าคัทชู สีดำ 2 คู่ ภายในห้องพักพบ ชุดเครื่องแบบควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรภาค 5 ประดับยศ พ.ต.ต. กางเกงสีกากี 1 ตัว เสื้อคลุมแขนสั้น สีดำ ปักตราตำรวจภูธรภาค 5 วิทยุสื่อสาร กระเป๋าถือ สีดำ ปักตราสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หมวกหม้อตาลตำรวจ จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าชุดเครื่องแบบตำรวจทั้งหมดเป็นของตนจริง เนื่องจากชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก ส่วนการที่แอบอ้างตัวเป็นรองอุ้ยนั้นก็เพื่อต้องการให้คนทั่วไปเกรงใจ จากการตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับศาลล้มละลายกลาง 1 คดี จากกรณีเช่าซื้อบ้านที่ จ.แพร่ ไว้กับธนาคาร แต่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินจากผลพวงเศรษฐกิจซบเซาปี 2554 ไม่สามารถชำระหนี้กับธนาคารได้ จึงถูกฟ้องร้องเป็นคดี

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาตามหมายจับ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในความผิดฐาน “แต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ, แต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบตำรวจ กระทำการใดๆ อันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นตำรวจ, สวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ, มีและใช้เครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ก่อนนำตัวส่ง สภ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป