พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก., (หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2 ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตร.), พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป., นำทีมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศปจร.ตร. โดย พ.ต.ต.หญิง กัญจิรา นรสาร สว.ฝอ.บก.ปปป. ปฏิบัติราชการ ศปจร.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันจับกุม น.ส.ปิยะมาศ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ที่ จ.109/2563 ลง 9 ก.ย.63 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอกทรัพย์” โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านพัก ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม
สืบเนื่องจากมีกลุ่มผู้เสียหายร้องเรียนผ่านเพจเฟซบุ๊กกองปราบปราม ว่าได้นำรถยนต์ไปจำนำกับ “กลุ่มรับจำนำรถอยุธยา” ซึ่งประกาศรับจำนำรถทุกประเภท ทุกชนิด ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ทุกปี ทั้งแบบมีเล่มทะเบียนและไม่มีเล่มทะเบียน โดยผู้เสียหายติดต่อจำนำผ่านสองแม่ลูก ชื่อ นางปิยฉัตร (ถูกจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้) และ น.ส.ปิยะมาศ (ผู้ต้องหาในคดีนี้) เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเพื่อขอไถ่ถอนรถ แต่ผู้ต้องกลับบ่ายเบี่ยงและไม่ได้รถคืน ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ผู้เสียหายหลายรายจึงแจ้งเบาะแสและพฤติการณ์ การกระทำของผู้ต้องหาผ่านเฟซบุ๊กเพจกองปราบปราม
ต่อมา พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก./หน.ชป. 2 ศปจร.ตร. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. นำทีมสืบสวนติดตามทลายกลุ่มแก๊งขบวนการรับจำนำรถผิดกฎหมายซึ่งถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า “กลุ่มรับจำนำรถอยุธยา” มี นางเมย์ (นามสมมุติ) เป็นเจ้าของ โดยเมื่อมีผู้สนใจแอดไลน์ทักมาขอจำนำรถ นางเมย์ ก็จะให้ นางปิยฉัตรฯ และ น.ส.ปิยะมาศฯ สองแม่ลูกทำหน้าที่เป็นคนโทรศัพท์ติดต่อประสานรายละเอียดเกี่ยวกับรถและราคารับจำนำ
เมื่อถึงวันนัดจ่ายเงินและรับรถ นางเมย์ฯจะนัดรับรถที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองอยุธยา, ปั๊มน้ำมัน หรือบริเวณริมถนน โดยจะให้ นางปิยฉัตร และ น.ส.ปิยะมาศ สองแม่ลูกเป็นคนจ่ายเงิน, รับกุญแจ จากนั้นขับรถมาให้นางเมย์ และสามี ต่อมาเมื่อผู้เสียหายชำระเงินให้กับนางปิยฉัตร และ น.ส.ปิยะมาศ เพื่อขอไถ่ถอนรถ แต่กลับไม่ได้รถคืน ส่วนเงินที่โอนเข้าบัญชีก็ไม่ได้คืนเช่นกัน โดยผู้ต้องหาจะอ้างว่านำเงินไปให้ นางเมย์ ที่เป็นเจ้าของกลุ่มไลน์ที่รับจำนำรถ ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหานี้ตามกฎหมาย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายที่ติดตามรถกว่า 18 คัน มูลค่ารวมกันหลายล้านบาท
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาจนทราบว่า น.ส.ปิยะมาศ ได้หลบหนีการจับกุมออกนอกพื้นที่ ไปกบดานบริเวณ ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมติดตามลงพื้นที่ตรวจสอบ จนกระทั่งพบตัว น.ส.ปิยะมาศ จึงเข้าจับกุม จากนั้นนำตัวส่ง พงส.สภ.บางปะอิน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้น น.ส.ปิยะมาศ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าได้รับค่าจ้างติดต่อประสานงานกับผู้เสียหายครั้งละ 500-1,000 บาท นอกจากนี้ผู้ต้องหายังให้การพาดพิงถึงคนในเครื่องแบบที่มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ และติดตามรถมาคืนให้ผู้เสียหายต่อไป