ตม.จว.ชุมพร จับกุมขบวนการขนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง โดยใช้รถนำ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.ท.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ สวญ.ตม.จว.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ต.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ

พ.ต.ท.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ สวญ.ตม.จว.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ต.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร สนธิกำลัง สภ.ปะทิว และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันจับกุม นายสุธะ อายุ 51 ปี สัญชาติไทย ในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และนายอาซะ อายุ 44 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมพวกรวม 11 คน ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” “ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ กรณีแรงงานต่างด้าวข้ามเขตจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณวัดถ้ำเขาพลู หมู่ที่ 3 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร 

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะทิว ภ.จว.ชุมพร ได้รับแจ้งว่า มีรถนำบุคคลต่างด้าวมาปล่อยทิ้งไว้ที่ศาลาหลังเมรุ ภายในวัดถ้ำเขาพลู อ.ปะทิว จ.ชุมพร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร ร่วมตรวจสอบ พบเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา  11 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารประจำตัวบุคคลต่างด้าวที่ถูกกฎหมายมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร จึงติดตามรถที่ขนแรงงานต่างด้าวมาปล่อยทิ้งไว้ จนกระทั่งสามารถสกัดจับรถขนกระเป๋าสัมภาระได้ 1 คัน บริเวณถนนสายปากคลอง-บางสะพานน้อย (รอยต่อระหว่าง จ.ชุมพร – จ.ประจวบคีรีขันธ์) โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านมาบอำมฤต ภ.จว.ชุมพร จากการตรวจสอบพบว่า เป็นรถกระบะสีน้ำตาล มีหลังคาปิดหลังกระบะทะเบียนเลย โดยมีนายสุธะ อายุ 51 ปี เป็นผู้ขับขี่ และพบกระเป๋าสัมภาระ 11 ใบ จึงตรวจยึดไว้และนำมาตรวจสอบพบว่าเป็นกระเป๋าของคนต่างด้าวที่ถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ทั้ง 11 คน 

สอบถามนายสุธะ ผู้ต้องหา รับว่ารับจ้างขนกระเป๋าสัมภาระของแรงงานต่างด้าวทั้ง 11 คน โดยรับมาจากบริเวณป่าริมถนนแถว ต.ควนมีด อ.จะนะ จ.สงขลา ใช้เส้นทางถนนสายหลัก เอเชีย 41 และถนนเพชรเกษมมุ่งหน้า จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อมาถึงบริเวณ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เลี้ยวขวาเข้ามาทาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เพื่อจะวิ่งบนถนนสายรอง ไปยัง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเมื่อไปถึงบริเวณ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบและจับกุมไว้ได้

จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 11 คน เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย เพื่อต้องการจะกลับประเทศเมียนมาทางชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าจากประเทศมาเลเซีย คนละประมาณ 3,200 – 3,500 ริงกิต จากนั้นจะมีรถรับเป็นทอด ๆ โดยการลักลอบหลบหนีเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นบริเวณใด แต่มีการนั่งเรือหางยาวข้ามลำน้ำใช้เวลาประมาณ 1 นาที จากนั้นมีรถยนต์กระบะมารับเป็นทอด ๆ โดยครั้งสุดท้ายก่อนถูกจับกุม ขึ้นรถกระบะชนิดตอนครึ่งและนั่งเบียดกันมาด้านหน้ารถทั้งหมด และมีรถกระบะอีกคันทำหน้าที่ขนกระเป๋าสัมภาระ จนกระทั่งถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ ณ ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงทราบว่า รถกระบะคันที่ขนแรงงาน เป็นรถกระบะสีขาวทะเบียนนครราชสีมา นายสุธะ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ ให้การรับว่ารถทั้ง 2 คัน แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนสายเอเชีย 41 (ขาขึ้น) อ.ละแม จ.ชุมพร ก่อนที่จะถูกตรวจค้นและจับกุม

จากการสืบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางก่อนมาถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะที่นายสุธะ ขับนำหน้ารถกระบะที่ขนแรงงานต่างด้าวทั้ง 11 คน เพื่อดูเส้นทางตลอดระยะทางกว่า 100 กม. เมื่อเข้าเขต จ.ชุมพร นั้น เชื่อว่า นายสุธะ  มีพฤติการณ์ร่วมกันกับผู้ต้องหาอีกคนให้การช่วยเหลือ ซ่อนเร้น แก่แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม โดยการนำพาคนต่างด้าวจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อจะนำไปส่งยังจุดหมายตามที่ได้รับการว่าจ้าง ซึ่งจากการซักถามนายสุธะ ผู้ต้องหา ยังพบข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์และการโอนเงินทางบัญชีของนายสุธะ ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ