สภ.เมืองกาญจนบุรี ตชด.13 เดินเท้าแนวชายแดน สกัดแรงงานเถื่อน

พ.ต.ต.มารุต ฉัตรทัณฑ์ สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.อ.สุระชัย ทองเหลือง ผบ.ร้อยทหารพราน 1115 กรมทหารพรานที่ 11 กองทัพภาคที่ 1 รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ( นปพ.กก.สส.ภ.จว.)กาญจนบุรี พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี และนายอภิรัฐ สงบจิต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร่วมปฏิบัติการตามแผนสกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง การปราบปรามยาเสพติดและการค้ามนุษย์

ออกตรวจพื้นที่แนวชายแดนสุดเขตประเทศไทย บริเวณฐานทหารพรานโตเซ็ง และตลอดแนวชายแดนบริเวณแนวสันแดน ท้องที่หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยสภาพพื้นที่ตลอดแนวชายแดนนั้นเป็นป่าและหุบเขาที่สูงชัน จึงเป็นอุปสรรคต่อการป้องกัน แต่เจ้าหน้าที่ก็สลับสับเปลี่ยนกำลังลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดเอาไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเอง

โดยกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่13 มีพื้นที่ในความรับผิดชอบส่วนหน้าจำนวน 2 จังหวัด คือ จ.กาญจนบุรี และ จ.ราชบุรี มีพื้นที่แนวชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมา ยาวประมาณ 443 กิโลเมตร มีช่องทางเข้า-ออก ในพื้นที่รับผิดชอบตลอดแนวชายแดน จำนวน 56 ช่องทาง ประกอบด้วย จ.กาญจนบุรี 43 ช่องทาง และ จ.ราชบุรี 13 ช่องทาง

สำหรับเส้นทางการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานชาวเมียนมาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี หลักๆมีอยู่ 4 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางที่ 1. ลักลอบเข้ามาตามช่องทางแนวชายแดนทางด้านตรงข้าม อ.สังขละบุรี

เส้นทางที่ 2. ลักลอบเข้ามาตามช่องทางแนวชายแดนทางด้านตรงข้าม อ.สังขละบุรี , เส้นทางที่ 3. ลงเรือที่ท่าน้ำหลังวัดวังก์วิเวการาม ต.หนองหลู อ.สังขละบุรี มาขึ้นฝั่งที่ท่าแพต่าง ๆ และ เส้นทางที่ 4. บริเวณบ้านท้ายเหมือง ลัดเลาะมาตามถนนสายบ้านท้ายเหมือง ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค – บ้านวังโพธิ์ ซึ่งจุดหมายปลายทาง ส่วนใหญ่ที่แรงงานหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไปทำงานจังหวัดหลักคือ จ.สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร และในเขตปริมณฑล