สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนประชาชน! ระวังมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ผุด อาศัยช่วงเวลาวิกฤตหลอกจองวัคซีนป้องกันโควิด-19

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีโรงพยาบาล หรือหน่วยงานต่างๆ เปิดให้พี่น้องประชาชนได้จองวัคซีนทางเลือก ซึ่อถือเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มการฉีดวัคซีนและเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้พี่น้องคนไทย แต่ในทางกลับกัน ก็ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสนี้แฝงตัวมาในรูปแบบของบุคลากรทางการแพทย์หรือบุคคลที่น่าเชื่อถือ ชักชวนผู้หลงเชื่อให้มาจองวัคซีนกับตน เนื่องจากจนมีโควต้ามาขายให้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินไป เหล่ามิจฉาชีพก็จะทำการสร้างกลุ่มไลน์ให้บุคคลที่อ้างว่าตนเป็นแพทย์ คอยตอบคำถามต่างๆ เพื่อเพิมความน่าเชื่อถือ หลังจากนั้นก็จะนัดวันเวลาสถานที่ในการฉีด แต่เมื่อถึงวันนัดปรากฎว่าผู้เสียหายไม่มีรายชื่อ ผู้เสียหายจึงทราบว่าตนถูกหลอกแล้วจึงไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์และดำเนินคดี ซึ่งการกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ความผิดในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด โดยทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย รวมถึงติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดสื่บต่อไป

โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชนในกรณีดังกล่าวและขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแสข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำไปสืบสวนขยายผล และดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดกับกลุ่มมิจฉาชีพต่อไป พร้อมทั้งกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฝ้าระวัง สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรมและเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายและตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวอีกว่าการกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว ถือเป็นการซ้ำเติมความยากลำบากในวิกฤตของพี่น้องคนไทยตอนนี้ด้วย จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกขายวัคซีนทางเลือก โดยต้องตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนว่าวัคซีนมีอยู่จริงหรือไม่ โดยตรวจสอบข้อมูลกับทางโรงพยาบาล หรือ หน่วยงานที่เปิดให้จองวัคซีนทางเลือกโดยตรง อย่าหลงเชื่อจนกว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน และขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารอยู่เสมอเพื่อจะได้รู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ นอกจากนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปหมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง