
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข่าวจริง “ครม. อนุมัติ ขยายเวลาปรับลดเงินสมทบประกันสังคม 3 เดือน ตั้งแต่ ก.ย.-พ.ย. 64” โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ขยายเวลาปรับลดอัตราจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเพิ่มอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. – 30 พ.ย. 2564 ลดอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน มาตรา 33 จากเดิมฝ่ายละร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 2.5 ของค่าจ้างผู้ประกันตน
ในส่วนผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้ปรับลดอัตราจ่ายเงินสมบทจากเดิมในอัตราเดือนละ 432 บาท ลดลงเหลือเดือนละ 235 บาท โดยให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป
สำหรับการลดอัตราเงินสมทบงวดเดือน ก.ย. – พ.ย. 2564 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ของนายจ้างและผู้ประกันตนจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ผู้ประกันตนในระบบจ่ายเงินสมทบลดลงเป็น 10,721 ล้านบาท และนายจ้างจ่ายลดลงเป็น 9,629 ล้านบาท ส่งผลดีต่อผู้ประกันตนทำให้สามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่าย ช่วยเสริมสภาพคล่องได้ประมาณ 945 – 1,575 บาทต่อคน และนายจ้าง มีสภาพคล่องขึ้น เพื่อให้ดำเนินกิจการต่อไปได้
และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ครม. อนุมัติ ขยายเวลาปรับลดเงินสมทบประกันสังคม 3 เดือน ตั้งแต่ ก.ย.-พ.ย. 64
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่านช่องทาง ได้แก่
เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com
เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER
ทวิตเตอร์ @AFNCThailand
ไลน์ @antifakenewscenter
ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87
และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”