รองโฆษก ตร. เตือนระวัง มิจฉาชีพ แฝงตัวมากับเกมออนไลน์ หลอกเอาข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยกรณีที่มีเหล่ามิจฉาชีพแอบแฝงตัวมาในรูปแบบเกมส์ออนไลน์ เพื่อหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนตัว รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน นำไปใช้หาผลประโยชน์ในทางที่ผิด

เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำกิจกรรมหรือธุรกรรมต่าง ๆ โดยหันมาทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือแอพพลิเคชั่นมากขึ้น ประกอบกับการที่ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น รวมถึงเด็กและเยาวชนที่ต้องเรียนออนไลน์ที่บ้าน จึงมักจะเล่นเกมในเวลาว่าง เพื่อเป็นการผ่อนคลายกันมากขึ้น ทำให้มีเหล่ามิจฉาชีพแฝงตัวมาในรูปแบบเกมออนไลน์ ด้วยการโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ชักชวนให้เข้ามาเล่นเกม เมื่อดาวโหลดเกมดังกล่าวมาแล้ว ก็มักจะมีการลงทะเบียน

โดยสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลทางการเงิน และหลังจากลงทะเบียนไปแล้ว เหล่ามิจฉาชีพก็อาจจะเอาข้อมูลดังกล่าวไปใช้หาผลประโยชน์ในทางที่ผิด

ดังเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2564 ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา มีชายคนหนึ่งได้ลงทะเบียนข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลบัญชีธนาคาร เพื่อเล่นเกม และมาทราบในภายหลังว่า มีการนำข้อมูลบัญชีธนาคารดังกล่าว ไปใช้ในการปล่อยเงินกู้ โดยที่ตนไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด หรือในบางรายอาจมีการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อเข้าร่วมเล่นเกม โดยมีข้อเสนอว่าจะได้ผลตอบแทน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จริง

อีกหนึ่งกรณี ในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ได้มีผู้ใช้ Facebook โพสต์บอกเล่าเรื่องราวว่า ภรรยาของตน ได้ถูกชักชวนให้เล่นเกม โดยการเติมเงินเข้าไปและทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อจะได้เงินตอบแทน สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ และสูญเสียเงินไปกว่า 400,000 บาท

ส่วนเด็ก และเยาวชน ผู้ปกครองต้องคอยควบคุมเวลาการเล่นเกมของบุตรหลาน ให้เล่นเกมที่มีเนื้อหาเหมาะสม ไม่รุนแรง เพื่อป้องกันการเกิดพฤติกรรมเลียนแบบที่ผิดกฎหมาย และคอยส่งเสริมให้บุตรหลาน ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชน และตระหนักถึงพิษภัยจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว อันเป็นการสร้างความเสียหาย ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีมาตรการและดำเนินการป้องกัน ปราบปราม ตามขั้นตอนของกฎหมาย

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โดยสั่งการไปยังทุกหน่วยงานในสังกัด ให้ทำการสืบสวน สอบสวน และปราบปรามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพ โดยเร่งทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับ รวมถึงขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

สำหรับการกระทำในลักษณะดังกล่าว นอกจากจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกันอยู่แล้ว ยังเข้าข่ายความผิด ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าว เป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ถึงแนวทางการหลีกเลี่ยง ป้องกันเหล่ามิจฉาชีพ ที่แฝงตัวมากับเกมออนไลน์ โดยหากพบเกมที่มีการสอบถามข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป มีการสอบถามข้อมูลทางการเงิน หรือให้โอนเงินเพื่อเล่นเกม ก็ให้สันนิษฐานว่า เป็นมิจฉาชีพ และให้หลีกเลี่ยงไป ส่วนเด็กและเยาวชน ผู้ปกครองต้องคอยดูแล ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้บุตรหลานใช้โทรศัพท์มือถือ หรือแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เพียงลำพัง พร้อมย้ำขอให้ประชาชนคอยติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อจะได้รู้เท่าทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ

นอกจากนี้ หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง