พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในรูปแบบการลงทุนหรือการเล่นแชร์ออนไลน์ โดยมีลักษณะจูงใจให้ลงทุน อ้างลงทุนน้อย ได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งจะทำให้เสี่ยงถูกหลอก และสูญเงิน
สำหรับความผิดจะเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 พ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้
- พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6 กำหนดว่า ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์ หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีลักษณะ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์ รวมกันมากกว่า 3 วง
(2) มีจำนวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงมากกว่า 30 คน
(3) มีทุนกองกลางต่อ 1 งวด รวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่า จำนวนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
(4) นายวงแชร์ หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์นั้น ได้รับประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น นอกจากสิทธิ์ที่จะได้รับทุนกองกลาง ในการเข้าร่วมเล่นแชร์ ในงวดหนึ่งงวดใดได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
โดยผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และมาตรา 9 ห้ามมิให้ ผู้ใดโฆษณาชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมในการเล่นแชร์ ผู้ใดฝ่าฝืนต้อง ระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท
- พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 12 ผู้ใดกระทำ ความผิดตามมาตรา 4 หรือมาตรา 5 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ 500,000 – 1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
- ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ฉ้อโกงประชาชน ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- พ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14(1) โดยทุจริต หรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ยังเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งจะถูกยึดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้มีการระดมสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ในลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม พบว่า มิจฉาชีพได้พลิกแพลงรูปแบบการหลอกลวงไปจากแบบเดิม ๆ จึงขอฝากให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง ไม่เชื่อคนง่าย เพราะการลงทุนน้อย ได้ผลตอบแทนสูง ในระยะเวลาอันสั้นนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก จึงอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สูญเสียเงิน สูญเสียทรัพย์สินได้โดยง่าย