ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ทำการสืบสวนและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี รวมทั้งคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 เวลา 10:00 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมแถลงผลการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว หลังจากมีประชาชนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร้องเรียนและให้ทำการตรวจสอบ กรณีมีชายหญิงคู่หนึ่งได้ถ่ายคลิปลามกที่บริเวณถนนสายต้นยาง เชียงใหม่-ลำพูน หน้าแขวงการทาง ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่
ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายได้เผยแพร่สื่อลามกอนาจาร ผ่านช่องทางออนไลน์ และเว็บไซต์ของต่างประเทศ ซึ่งมีคลิปสื่อลามก อนาจาร ประมาณ 70 คลิป สืบทราบว่าผู้ร่วมกระทำผิดประกอบด้วย
1.ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นชาย อายุ 35 ปี
2.ผู้ต้องหาที่ 2 หญิง อายุ 37 ปี
ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นแฟนกัน จะเลือกสถานที่ถ่ายทำตามพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เช่น ตามโรงแรมต่าง ๆ บริเวณริมถนน บริเวณที่พักริมทาง โดยแสดงการมีเพศสัมพันธ์นอกสถานที่ หรือ แสดงบทบาทสมมติ เป็นอาชีพต่าง ๆ เมื่อทำการถ่ายทำและตัดต่อเสร็จ ผู้ต้องหาที่ 1 จะอัปโหลดผ่านช่องทางเว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์ มีรายได้จากการสมัครเป็นสมาชิก โดยเริ่มทำตั้งแต่ประมาณเดือนพฤษภาคม 2563 ถึงปัจจุบัน มีรายได้ประมาณเดือนละ 50,000 – 70,000 บาท
โดยคลิปที่ปรากฏตามข่าว ได้ถ่ายทำเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2564 และเผยแพร่ในเดือนมิถุนายน 2564 ต่อมาจึงได้ติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ในคดีอาญาที่ 708/2564 และทำการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้งสองคนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายไว้เรียบร้อยแล้ว จำนวน 3 ข้อหา คือ
1.กระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ตาม ป.อาญา มาตรา 338
2.เพื่อประโยชน์เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 287(1)
3.นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4)
โดยได้ทำการตรวจยึด
คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง
ฮาร์ดดิสก์
โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องพร้อมซิมการ์ด
เสื้อผ้า 20 ชุด
สมุดบัญชีธนาคาร 15 บัญชี
บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 2 ใบ
ไว้เป็นของกลางในคดี เพื่อขยายผลและตรวจสอบเส้นทางการเงินหรือผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดต่อไป