
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ภาพวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ช่วงกลางคืนของวันที่ 17 มิ.ย.2560 ชายคนหนึ่งถือมีดเดินขึ้นไปบน สน.ห้วยขวาง แล้วใช้มีดพยายามปลิดชีวิตตนเอง สาเหตุเกิดจากความเครียดที่ถูกโกงค่าแรงและกีตาร์โปร่งถูกขโมย
ระหว่างที่ชายคนดังกล่าว เล่าระบายความอึดอัดใจไปเรื่อย ๆ ด.ต.อนิรุธ มะลี ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.ห้วยขวาง พยายามเกลี้ยกล่อม ให้ชายคนดังกล่าววางมีด พร้อมทั้งชวนกินข้าว ดื่มน้ำ จนชายรายนี้ใจอ่อน และมีท่าทีสงบลง ยอมส่งมีดให้ ด.ต.อนิรุธ จึงเดินเข้าไปกอดและพูดปลอบใจ ทำให้เหตุการณ์นี้ยุติลง โดยไม่มีใครได้รับอันตราย
เหตุการณ์นี้ กลายเป็นภาพและคลิปไวรัลโด่งดังไปทั่วโลก ทำให้ ด.ต.อนิรุธ ได้รับความชื่นชมจากสังคมโซเชียลฯ สร้างความประทับใจและเสียงชื่นชมตำรวจไทยอย่างมาก
เช่นเดียวกับ รัสเซลล์ โครว์ ที่เมื่อเห็นคลิปนี้ ก็ชื่นชมและยกย่องตำรวจไทยต่อสายตาคนทั่วโลกผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยทวีตข้อความระบุว่า ด.ต.อนิรุธ คือ “ฮีโรคนใหม่ของผม” และจากเหตุการณ์วันนั้น เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทำให้ ด.ต.อนิรุธ กลายเป็น ฮีโรตำรวจไทย ของรัสเซลล์ โครว์ ที่เขาชื่นชมมาตลอด
ในตอนนั้น เมื่อรู้ว่านักแสดงดังทวีตชื่นชม ด.ต.อนิรุธ จึงฝากข้อความขอบคุณส่งถึง รัสเซลล์ โครว์ ผ่านทาง คุณทิน โชคกมลกิจ ซึ่งเป็นพิธีกรสัมภาษณ์ ด.ต.อนิรุธ ทางช่อง TNN ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางคุณทิน จึงติดต่อไปยัง รัสเซลล์ โครว์ จนทั้งคุณทินและ ด.ต.อนิรุธ ได้รับของขวัญจากนักแสดงดังเป็นที่ระลึก และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
กระทั่ง เมื่อช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา รัสเซลล์ โครว์ นักแสดงชื่อดัง เจ้าของรางวัลออสการ์ มีโอกาสเดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย รัสเซลล์ โครว์ จึงประสานไปทาง คุณทิน ว่าเขาต้องการพบ ด.ต.อนิรุธ เป็นการส่วนตัว
ทั้งสองจึงได้นัดหมายกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 น. โดยมีคุณทิน เป็นผู้ประสานและให้เกียรติเป็นล่ามในการสนทนา
ด.ต.อนิรุธ เปิดใจถึงบทสนทนาระหว่างกับนักแสดงดังระดับโลกว่า คุณรัสเซลล์ โครว์ ได้ถามไถ่ถึงเรื่องส่วนตัว ความเป็นอยู่ว่า เป็นคนที่ไหน ครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง และได้เล่าเรื่องส่วนตัวเรื่องครอบครัวให้ฟังซึ่งกันและกัน
รวมถึงพูดถึงกิจกรรมที่ชอบทำเหมือนกัน ก็คือการขับขี่รถบิ๊กไบค์ฮาเล่ย์ ไปท่องเที่ยวในจุดต่าง ๆ ได้แชร์ถึงความสุขในการออกทริป การช่วยเหลือแบ่งปันผู้ด้อยโอกาสและเด็กกำพร้า ซึ่งคุณรัสเซลล์ชื่นชอบในการทำกิจกรรมแบบนี้ เลยร่วมมอบเงินสดจำนวนหนึ่งให้กับผม เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสกับกลุ่มขับขี่บิ๊กไบค์ของผมด้วย
ด.ต.อนิรุธเล่าต่อว่า “ผมขอถ่ายรูปและบอกว่าจะนำเงินดังกล่าวไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และได้กล่าวขอบคุณที่ ร่วมทำบุญให้กับเด็กไทย”
“คุณรัสเซลยังบอกอีกว่าตอนที่เห็นคลิปเค้ารู้สึกประทับใจ ชื่นชอบในตัวผมและตำรวจไทยมาก ยิ่งมาเจอตัวจริง เค้ามองเห็นความอ่อนโยนความเมตตา เค้าบอกเลยว่าตำรวจมีภารกิจมากมาย แต่ในกรณีที่เกิดสถานการณ์นี้ ผมมีโอกาสที่จะจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวในรูปแบบใดก็ได้ แต่ผมเลือกใช้วิธีการแก้ปัญหา และจัดการโดยการใช้ความรักการพูดคุยความเข้าอกเข้าใจ แต่ไม่ใช้ความรุนแรงและสุดท้ายก็จบด้วยการสวมกอด ซึ่งทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดความรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจไม่กระทำการรุนแรงไปมากกว่าเดิม และสามารถยุติสถานการณ์ได้”
“เค้าได้ถามถึงผู้ชายคนที่ก่อเหตุว่าตอนนี้ชีวิตเขาเป็นอย่างไร ผมก็เล่าให้ฟังว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ผมได้บริจาคกีตาร์ให้เค้าไปหนึ่งตัว และเงินสดจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งตำรวจบน สน.ห้วยขวางได้รวบรวมเงินจำนวนหนึ่งมอบให้เขาเช่นกัน หลังจากนั้นทราบว่าลูกชายก็มารับเค้าไปอยู่ด้วย”
สิ่งที่ผมได้ข้อคิดจากคุณรัสเซลล์ โครว์ ก็คือคุณรัสเซลล์บอกว่าในการทำงานทุกคนอาจจะเจอปัญหาและอุปสรรคมากมาย เค้าเล่าให้ฟังว่าตัวเค้าเองก็อาจจะเจอคนที่มองเค้าไม่ดี แต่เค้าไม่สนใจในสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดถึงเขา เพราะเขามองว่าจุดมุ่งหมายของเค้าคืออะไร และเค้าจะทำมันเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร สุดท้ายความจริงก็คือความจริง
จากการที่ได้นั่งพูดคุยกัน 2 ชั่วโมงกว่า ผมมองว่าคุณรัสเซลล์ โครว์ เป็นคนที่มีทัศนคติในการใช้ชีวิตดีมาก เป็นคนมีจิตใจเมตตามีความอ่อนโยนมีความเป็นกันเองและรักครอบครัว มีความมุ่งมั่นในการทำงานเป็นคนขยันและทุ่มเทมาก
เค้าชื่นชมเมืองไทยในเรื่องการเป็นอยู่ที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เค้าบอกว่าเมืองไทยอาจจะเห็นสายไฟตามถนนหนทางแต่มันก็คือสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น แล้วมันเป็นความตื่นเต้นของเค้าเช่นกัน เค้ามีโอกาสได้ปั่นจักรยานบ้าง ซึ่งเค้ามองว่ามันก็ยังมีความปลอดภัย เพราะคนไทยเวลาขับรถก็จะคอยระวังคนที่ปั่นจักรยานและคนที่อยู่บนท้องถนน ทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงบนท้องถนน
เค้าพูดถึงประเทศไทยที่ให้อิสระในการแสดงความคิดเห็น ทุกคนสามารถออกมาพูดความรู้สึกและความคิดเห็นในที่สาธารณะได้ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่อึดอัด เพราะถ้าหากจำกัดไม่ให้ประชาชนได้พูดหรือแสดงความคิดเห็น อาจจะยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกเครียดเค้ามองว่าเป็นการให้เสรีภาพกับประชาชนเป็นสิ่งที่ดี
เค้าบอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ มีอิสระในการใช้ชีวิต มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย เค้าพูดถึงอาหารไทยว่าอร่อยเค้าชอบมาก รวมทั้งอากาศที่ดีของประเทศไทย รวมถึงรอยยิ้มของคนไทยอีกด้วยครับ
ชมคลิป
https://www.facebook.com/225217524207691/posts/4673639832698749/?app=fbl