
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวประเด็นเรื่อง ประชาชนกลุ่มเสี่ยงขอรับ ชุดตรวจ ATK ฟรี ผ่านแอปเป๋าตัง และโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ได้นั้น
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข้อมูลดังกล่าวเป็น ข่าวจริง หลังจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข
โดย สปสช. ชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่พักอาศัยหรือปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว คนที่ทำงานในภาคบริการและท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่ยังไม่ได้ขอรับชุดตรวจโควิด ATK รับชุดตรวจ ATK ฟรี สามารถลงทะเบียนรับ ชุดตรวจโควิด ATK ได้ง่าย ๆ คนละ 2 ชุด อีกทั้งหากผลเป็นลบอีก 10 วันมาขอรับ ATK ชุดใหม่ได้ เตรียมพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว
โดยสามารถรับชุดตรวจโควิด ATK ได้ด้วยการลงทะเบียน ขอรับชุดตรวจโควิด ATK ผ่านแอปเป๋าตัง และไปรับชุดตรวจ ATK ที่หน่วยบริการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือเดิมเรียก สถานีอนามัย รวมถึง คลินิก และร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ และก่อนรับชุดตรวจโควิด ATK จะต้องคัดกรองความเสี่ยง พร้อมกับยืนยันตัวตนด้วยการสแกน QR Code ที่หน่วยบริการส่งให้ ผ่านแอปเป๋าตัง เข้าเมนู สแกน QR Code เพื่อรับชุดตรวจ สามารถเช็กรายชื่อหน่วยบริการแจกชุดตรวจโควิด ATK ให้ประชาชนได้ที่เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/page/atk
กรณีที่ไม่มีมือถือสมาร์ตโฟน สามารถไปขอรับได้ที่ โรงพยาบาล รพ.สต.ที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ หรือขอรับ ATK กับ อสม.หรือ อสส. ในชุมชนของท่าน โดย อสม.หรือ อสส.จะทำการคัดกรองและยืนยันตัวตนให้ ตรวจแล้วสามารถแจ้งผลตรวจกับ อสม. หรือ อสส.ที่แจก ATK ให้กับท่าน
ทั้งนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ทำสื่อแนะนำเรื่องขั้นตอนการขอรับชุดตรวจโควิด ATK ฟรี การใช้ ATK ตรวจ และรวบรวมคำถามยอดฮิตไว้ให้ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ลิงก์ https://bit.ly/3pH0xdD
และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nhso.go.th หรือโทรสายด่วน 1330
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
หากประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่านช่องทาง ได้แก่
เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com
เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER
ทวิตเตอร์ @AFNCThailand
ไลน์ @antifakenewscenter
ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87
และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ