พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เผยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันพบ ข่าวบิดเบือน เรื่อง หากลาป่วยไม่ถึง 3 วัน นายจ้างห้ามเรียกใบรับรองแพทย์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่ามีการตรวจพบ ข่าวบิดเบือน กรณีที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง หากลาป่วยไม่ถึง 3 วัน นายจ้างห้ามเรียกใบรับรองแพทย์นั้น

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ซึ่งได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน (มาตรา 32) กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง ซึ่งการลาป่วยตั้งแต่ 3 วันทำงานขึ้นไป กฎหมายกำหนดให้นายจ้าง “อาจ” ให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง หรือของสถานพยาบาลของทางราชการ

โดยกฎหมายไม่ได้มีบทบังคับว่าลูกจ้างต้อง แสดงใบรับรองแพทย์ทุกครั้งที่ลาป่วยเสมอไป เนื่องจากลูกจ้างบางรายอาจไม่ได้รักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล แต่อาจรักษาพยาบาลที่อนามัย หรือซื้อยากินเองก็ได้ จึงไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดง ซึ่งลูกจ้างสามารถชี้แจงให้นายจ้างทราบถึงการลาป่วยดังกล่าวได้

ดังนั้นหากลูกจ้างลาป่วยไม่ถึง 3 วัน “อาจมี” หรือ “ไม่มี” ใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อนายจ้างก็ได้

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ https://www.labour.go.th/ หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : กฎหมายไม่ได้มีบทบังคับว่าลูกจ้างต้อง แสดงใบรับรองแพทย์ทุกครั้งที่ลาป่วย ซึ่งหากลูกจ้างลาป่วยไม่ถึง 3 วัน อาจมีหรือไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อนายจ้างก็ได้

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่านช่องทาง ได้แก่
เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com
เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER
ทวิตเตอร์ @AFNCThailand
ไลน์ @antifakenewscenter
ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87
และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ