
ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้กระทำความผิดในลักษณะซ้ำเติมความเดือดร้อนแก่ประชาชนทางเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงได้กวดขันป้องกันปราบปรามการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท., พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์, พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย, พล.ต.ต อภิชาติ สุริบุญญา รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ธวัช ปิ่นประยงค์ ผบก.ทท.1 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ทท.1 จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ น.ส.มัตติกา อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 506/2564 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2564 และนายหัสดี อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 507/2564 ลง วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ในความผิดฐาน”ผู้ใดกระทำความผิดโดยการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” , “ฉ้อโกงประชาชน”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายขอให้ช่วยตรวจสอบเที่ยวบินที่ตนเองจะเดินทางไปทำงานประเทศออสเตรเลีย ซึ่งพบว่าไม่มีการจองเที่ยวบินในชื่อผู้เสียหายแต่อย่างใด ทำให้ผู้เสียหายทราบว่า ตนเองถูกหลอก
จากการสอบถามรายละเอียด ทราบว่า ผู้เสียหาย ได้ติดต่อไปทำงานประเทศออสเตรเลีย ผ่านทาง ผู้ต้องหาชื่อ น.ส.ณิศารัตน์ (หลบหนีอยู่ต่างประเทศ) และ น.ส.มัตติกา ร่วมกันพูดคุยหลอกลวงว่าสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้ เสียค่าใช้จ่ายการเดินทางไปแล้วรวม 141,000 บาท โดยโอนเข้าบัญชี น.ส.มัตติกา และ นายหัสดี แต่ภายหลังเมื่อถึงวันเดินทางมาที่สนามบิน พบไม่มีการจองเที่ยวบิน จึงทราบว่าถูกหลอกลวง
สำหรับวิธีการหลอกลวง กลุ่มผู้ต้องหาจะแบ่งหน้าที่กันทำโดย น.ส.ณิศารัตน์ ผู้เป็นหัวหน้าแก๊ง SCAMMER จะใช้ Facebook ที่เปลี่ยนชื่อและภาพโปรไฟล์ไปเรื่อย ๆ โพสต์ข้อความเชิญชวนไปทำงานต่างประเทศ ในกลุ่มหางานต่าง ๆ เมื่อมีเหยื่อติดต่อมา จะลบโพสต์ทิ้ง แล้วให้เหยี่อมาพูดคุยในแอพพลิเคชั่น LINE โดยมี น.ส.มัตติกา ทำหน้าที่เป็นหน้าม้าร่วมพูดคุยหลอกลวงด้วยว่าจะไปทำงานต่างประเทศเช่นเดียวกัน จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปอ้างเป็นค่าตั่วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าเอกสาร ค่าวิ่งเต้น เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาได้เงินจากผู้เสียหายแล้วก็จะตัดการติดต่อทุกช่องทางกับผู้เสียหาย แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ทท.1 ร่วมกับ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้ได้พยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย โดยศาลจังหวัดสมุทรปราการได้อนุมัติหมายจับตามคำขอ และต่อมาได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน
ส่วน น.ส.ณิศารัตน์ หัวหน้าขบวน SCAMMER การหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขอนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ ภายหลังจับกุมขบวนการ SCAMMER นี้ได้แล้ว มีผู้เสียหายรายอื่นทราบเรื่องส่งตัวแทนจำนวน 10 คน มาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจท่องเที่ยว และ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าถูกคนร้ายกลุ่มนี้หลอกลวงเช่นเดียวกัน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท จึงได้ช่วยเหลือให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วประสานข้อมูลทางคดีไปยังสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุของผู้เสียหายแต่ละรายเพื่อดำเนินคดีต่อไป