
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ รอง ผบ.ตร. ตรวจจราจรเปิดเทอมวันแรก ระดมกว่า 4000 นาย อำนวยสะดวก รร. ทั่วกรุง พร้อมถอดบทเรียนปรับสภาพจราจรให้ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 เวลา 06.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สุวิชชา จินดาคำ ผบก.จร. และ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 ลงพื้นที่ตรวจการจราจรในวันเปิดภาคการศึกษาวันแรกบริเวณหน้าโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ซึ่งเป็นโรงเรียนตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อประเมินสภาพการจราจรในช่วงเปิดภาคเรียนในเขตพื้นที่ กทม. พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกว่า 4,000 นาย คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษาและพื้นที่ต่อเนื่อง พร้อมรับรถเข้าเร่งระบายออกเมือง และบริหารสัญญาณไฟจราจรให้มีความสัมพันธ์กับปริมาณรถ และสภาพการจราจร
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเปิดภาคการเรียนรูปแบบ ออนไซต์ (On-site) ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยหลักในการอำนวยความสะดวกการจราจร ซึ่งจะมีการเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันเดียวกันนี้ โดยปัญหาการจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษาเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญส่งผลกระทบกับปัญหาการจราจรในภาพรวม ทั้งนี้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยหลักในการดำเนินการ โดยได้สั่งการตำรวจทั่วประเทศ ให้ดำเนินการมาตรการในการเปิดภาคการศึกษา ตามหนังสือสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 0007.34/1968 ลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ดังนี้
- ประสานข้อมูลกับโรงเรียน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เพื่อจัดทำแผนการจัดการจราจรโดยรอบบริเวณสถานศึกษาในชั่วโมงเร่งด่วนทั้งเช้าและเย็น เช่น การกำหนดพื้นที่สำหรับ ให้ผู้ปกครองหยุดรถ รับ – ส่ง นักเรียน นักศึกษา การกำหนดพื้นที่ห้ามหยุดหรือจอดรถ การกำหนดเส้นทางเดินรถในชั่วโมงเร่งด่วน
- ประสานขอคืนพื้นผิวการจราจรหรือจัดระเบียบพื้นผิวการจราจรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือซ่อมแซม โดยรอบโรงเรียนและสถาบันการศึกษา เพื่อเพิ่มช่องทางเดินรถและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- ประชาสัมพันธ์แผนการจัดการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน แนะนำการใช้เส้นทางสำหรับผู้ปกครอง และเส้นทางเลี่ยงสำหรับประชาชนทั่วไป ผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถกำหนดแผนการเดินทางได้อย่างเหมาะสม
- จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรหรืออาสาจราจร อำนวยการจราจรให้เพียงพอและเหมาะสม หากกำลังตำรวจจราจรไม่เพียงพอ ให้พิจารณาจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจในสายงานอื่นมาช่วยอำนวยการจราจรในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
- รณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยเฉพาะการใช้อุปกรณ์นิรภัยในการขับขี่ ได้แก่ การสวมหมวกนิรภัย การรัดเข็มขัดนิรภัย ตลอดจนขอความร่วมมือกับโรงเรียนและสถาบันการศึกษา ในการใช้มาตรการองค์กรเพื่อให้ผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา ปฏิบัติตามกฎจราจรทั้งภายในและบริเวณโดยรอบพื้นที่
สำหรับในกรุงเทพมหานคร ได้กำชับ และลงรายละเอียดการปฏิบัติในพื้นที่ ที่มีโรงเรียนทุกแห่ง โดยมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาในกลุ่มโรงเรียน 3 พื้นที่หลัก รวมทั้งสิ้น 21 แห่ง ได้แก่
- กลุ่มที่ 1 กลุ่ม รร. ในถนนศรีอยุธยา พระราม 6 สามเสน ราชวิถี นครราชสีมา จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ รร.เซนต์คาเบรียล รร.โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ รร.โยนออฟอาร์ค รร.ราชินีบน รร.อนุบาลละอออุทิศ รร.ราชวินิต รร.เขมะสิริอนุสสรณ์ รร.สามเสนวิทยาลัย รร.อนุบาลสามเสน รร.โยธินบูรณะ รร.สันติราษฎร์วิทยาลัย และ รร.อำนวยศิลป์
- กลุ่มที่ 2 กลุ่ม รร. ในถนนสีลม สาทร เจริญกรุง จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ รร.กรุงเทพคริสเตียน รร.อัสสัมชัญ รร.อัสสัมชัญคอนแวนต์ รร.เซนต์หลุยส์ศึกษา และ รร.เซนต์โยเซฟคอนเวนต์
- กลุ่มที่ 3 กลุ่ม รร. ในถนนเพชรบุรี อโศก สุขุมวิท เพลินจิต จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ รร.เซนต์ดอมินิก รร.วัฒนาวิทยาลัย รร.มาแตร์เดอีวิทยาลัย และ รร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
สำหรับปริมณฑล มุ่งเน้นการจัดการจราจรหน้าโรงเรียนที่มีสภาพการจราจรหนาแน่น
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า วันนี้จะสั่งการให้แต่ละพื้นที่ถอดบทเรียนการจราจรจากการเปิดภาคการศึกษาวันแรกทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ซึ่งอาจจะมีติดขัดบ้าง เนื่องจากไม่ได้มีการเปิดเรียนเต็มรูปแบบมานานเกือบ 2 ปี และจะได้ประชุมเพื่อปรับแผนให้สภาพการจราจรดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ตามหน้าสถานศึกษาที่มีปัญหาการจราจรหนาแน่น มีความร่วมมือระหว่างตำรวจ ผู้ปกครอง โรงเรียน และสถานศึกษา ในการบริหารจัดการจุดรับส่ง นักเรียน นักศึกษาอย่างเป็นระบบ มีการนำจิตอาสาจราจร มาช่วยในการอำนวยความสะดวก เด็กนักเรียน ผู้ปกครอง และผู้ใช้รถใช้ถนน บริเวณหน้าโรงเรียนโดยเฉพาะบริเวณทางข้ามทางม้าลาย ทั้งนี้ ตำรวจจราจรได้มีการประสานงานกันกับโรงพักข้างเคียงให้ปล่อยสัญญาณไฟจราจรให้สัมพันธ์กัน พร้อมยังประสานความร่วมมือ เร่งรัดการคืนพื้นผิวการจราจรตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบโดยทั่วกัน และศึกษาข้อมูลการเดินทาง
ในเส้นทางดังกล่าว หากมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับเส้นทางและข้อมูลจราจร ในพื้นที่ กทม. สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลข โทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และ ทางเว็บไซต์ WWW.TRAFFICPOLICE.GO.TH หรือทาง Facebook และ Twitter 1197
#มั่นใจทุกข่าวสารตำรวจเพื่อคุณ
#policeofficial
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ